เลือกอย่างไร
ตัวไหนเหมาะสมกับเรา เลือกอย่างไรดี
หลักๆ เลือกที่ งบประมาณ กับ น้ำหนัก
เลือกราคาและน้ำหนักที่ไม่มากเกินกำลังของเรา
จากนั้นดูระยะทางและความเร็วที่อยากได้ ตามการใช้งาน ลองดูว่าอยากใช้ไปไหนบ้าง ก็จะทำให้เลือกระยะทางกับความเร็วที่เหมาะสมได้
แล้วค่อยลงรายละเอียดอื่นๆ อีกเล็กน้อย เพื่อตัดสินใจว่าอยากได้รุ่นไหน
จะเลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ล้อเดียวไฟฟ้า หรือจักรยานไฟฟ้าดี
จริงๆแล้วรถ3ชนิดนี้มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
สกู๊ตเตอร์และจักรยานไฟฟ้าโดยทั่วไปแล้วจะขี่ได้ง่ายใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีก็สามารถขี่ได้อย่างคล่องแคล่ว จักรยานไฟฟ้าขับขี่ได้สบายที่สุดเนื่องจากมีเบาะนั่งแต่ก็ใช้พื้นที่ในการขนย้ายมากที่สุดเช่นกัน ในขณะที่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสามารถพกพาใส่ท้ายรถไปในที่ต่างๆได้ง่ายกว่า
ส่วนล้อเดียวไฟฟ้าจะใช้พื้นที่จัดเก็บและพกพาได้ง่ายที่สุด แต่ก็ใช้เวลาในการฝึกหัดมากที่สุดเช่นกันโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1-3ชม. ในการฝึกก็จะสามารถเรื่มทรงตัวได้ และสามารถขี่ได้อย่างชำนาญในเวลา 14-20 วัน
ล้อเดียวไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า จักรยานไฟฟ้า
เวลาในการฝึกเล่น 1-3ชม 5-10นาที 0-5นาที
การพกพา 5 ดาว 4 ดาว 2ดาว
น้ำหนัก เบาที่สุด ปานกลาง น้ำหนักมากที่สุด
off road (วิ่งทางขรุขระ) 5 ดาว 2 ดาว 3 ดาว
ความสนุก 5 ดาว 4 ดาว 3 ดาว
น้ำหนักตัวรถ มีผลอย่างไร
เลือกตามลักษณะการใช้งาน แรงขึ้น ไกลขึ้น น้ำหนักก็เยอะขึ้น
หากใช้เชื่อมต่อกับการเดินทางชนิดอื่นๆ ก็เลือกน้ำหนักเบา ทำให้ยกสะดวก ขี่ชิลๆ ได้
หากใช้อย่างเดียว ไม่ต้องยก เลือกตัวที่เร็วขึ้นได้ ขี่สบายขึ้น น้ำหนักมากขึ้นหน่อย แต่ไม่ต้องยกก็สบาย
สำหรับสเปคแรงๆ จะหนักค่อนข้างมาก เหมาะกับคนที่ขี่เหมือนไปเล่นกีฬา ยกขึ้นรถ ขี่นานๆ เลย แล้วค่อยยกกลับบ้าน
ตัวที่น้ำหนักเยอะ เรามี Ramp ให้เข็นขึ้นรถได้
ความเร็วเท่าไหร่ดี
เทียบกับจักรยานแม่บ้าน ปั่นเร็วสุดๆ ได้ที่ 25 km/h
20-35 km/h เหมาะกับขี่ระยะทางไก้ลๆ ไม่เกิน 5-10กิโล ขี่ชิวๆกินลม ใช้เชื่อมต่อการเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้า
35 – 50 km/h เหมาะกับเดินทางไกลขึ้นมาหน่อย ขับขี่สนุก อัตราเร่งดี
50 – 100 km/h เหมาะกับผู้ที่ชอบความเร็ว ต้องการขับขี่แบบสปอร์ต ให้ความรู้สึกสนุกตื่นเต้น เดินทางได้รวดเร็ว
แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร
สินค้าทุกตัวเราจำหน่าย เราได้ได้ครรสรรค์และทดลองใช้อย่างถี่ถ้วน และเลือกเฉพาะยี่ห้อที่ดีที่สุดในตลาดมาให้ลูกค้าแล้ว ดังนั้นเรารับประกันได้ว่าสินค้าทุกรุ่น เป็นเบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก คุณภาพสูง และใช้แบตเตอรี่ที่มีคุณภาพปลอดภัย
ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป
ทั่งนี้แล้วแต่ความชอบและเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน
ถูกแพง ต่างกันตรงไหน
ส่วนมากแล้วตัวที่ซึ่งราคาสูงกว่าก็จะเร็วและขี่ได้ไกลกว่า แต่น้ำหนักก็มากกว่าเช่นกัน ไม่เสมอไปว่าตัวที่ราคาสูงจะดีกว่า แต่เราควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานที่สุด
ไม่ว่าราคาจะต่างกันแค่ไหน แต่สินค้าทุกชิ้นที่เราจำหน่ายมีคุณภาพไม่ต่างกัน เพื่อให้คุณมั่นใจว่า ซื้อไปแล้วจะใช้ได้ทนทานและปลอดภัย
Watt กับ Volt สำคัญอย่างไร
Watt คือกำลังของมอเตอร์ ซึ่งตามจริงแล้ว Wattเยอะ ควรจะแรงกว่า แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะมอเตอร์รุ่นใหม่ๆที่มีคุณภาพสูงถึงแม้ตัวเลข Watt อาจจะไม่เยอะแต่ก็สามารถให้กำลังได้ดีกว่าแบรนด์ทั่วๆไปได้ เช่นมอเตอร์สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายี่ห้อ Dualtron ขนาด 800W ก็ให้กำลังมากกว่า มอเตอร์2000W ในแบรนด์ทั่วๆไปได้ ดังนั้นเราควรเลือกจากความเร็วเป็นหลัก
*แบรนด์ทั่วไปมักโชว์ตัวเลข Watt สูงๆเพื่อให้ดูเหมือนมีกำลังเยอะ แต่เบรนด์ที่มีมาตราฐานจะโชว์ตัวเลขWattจริง ดังนั้นตัวเลขWattจากแบรน์ดที่ต่างกันจึงนำมาเทียบกันตรงๆ ไม่ได้
Volt คือแดงดันไฟฟ้า เมื่อแบตเตอรี่มีแดงดันที่สูง จะมีอัตราเร่งที่ดีกว่า และรักษาความเร็วได้คงที่กว่า (เมื่อแบตอ่อนความเร็วก็ยังไม่ตกมาก ซึ่งเห็นชัดหลังจากแบตลดต่ากว่า50%) (volt สูงกว่าจะ drop น้อยกว่า)
เริ่มต้นควรใช้ตัว TOP ไปเลยดีไหม
ถ้ามีสเปคหรือรุ่นในใจที่อยากได้ เราแนะนำให้เลือกรุ่นที่ต้องการไปเลย เพราะรุ่นที่ช้าหรือเร็ว หนักมากหรือน้อย ขนาดใหญ่หรือเล็ก จริงๆแล้วไม่ได้ใช้เวลาในการทำความคุ้นแตกต่างกันเท่าไหร่
และจากที่ผ่านมาเวลาลูกค้าเลือกตัวที่ช้าแต่แรก ทั้งที่อยากได้ตัวที่เร็วกว่า ลูกค้าก็มักกลับมาเปลี่ยนเป็นตัวที่เร็วขึ้นเสมอ
สกู๊ตเตอร์ซ้อนได้ไหม
สกู๊ตเตอร์รุ่นที่รับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 120 kg ขึ้นไปสามารถซ้อนได้ทุกรุ่น ทั้งนี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย
มาลองก่อนได้ไหม?
เรายินดีมากๆ ที่จะให้ลูกค้าทดลองขี่ก่อนได้ทุกรุ่น ลองดูรุ่นที่สนใจ แล้วมาลองตัวจริงได้ที่สาขาใกล้บ้านได้เลย (สาขาต่างๆ) โทรสอบถามก่อนเพื่อให้มั่นใจว่ามีรุ่นนั้นให้ลอง
e-Scooter
เลือกอย่างไรดี ?
หลักๆแล้วทางเราจะแบ่งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็น2ชนิดคือ แบบ1มอเตอร์ และ 2มอเตอร์ ซึ่งก็จะมีความเร็วและอัตราเร่งแตกต่างกันไป
แบบ 1มอเตอร์ (Single motor) : เน้นใช้งานเดินทางทั่วๆไปเน้นพกพาง่าย ก็เบากว่าและพกพาได้ง่ายกว่า
แบบ 2มอเตอร์ (Dual Motor) : เหมาะกับคนชอบความเร็วอัตราเร่งที่จัดจ้าน ต้องการความสนุกตื้นเต้นหรือต้องการเดินทางไกล และไม่เน้นพกพา
พอเลือกได้แล้วว่าจะเอาแบบกี่มอเตอร์ ก็ลองดูที่ความเร็ว ระยะทางต่อชาร์จ และน้ำหนักดที่ต้องการได้เลย
ความเร็ว : แนะนำว่าถ้าขี่บนถนนร่วมกับรถชนิดอื่นๆควรมีความเร็วมากกว่า 50km/h ขึ้นไป
ระยะทาง : ปรกติแล้วระยะทางต่อชาร์จที่ระบุไว้จะเป็นระยะทางสูงสุด ซึ่งจากการใช้งานจริงระยะอาจจะลดลงอีก 0-20% ขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้
น้ำหนัก : ปรกติแล้วถ้าน้ำหนักต่ำกว่า 20kg จะอยู๋ในกลุ่มที่พกพาง่ายเพราะผู้หญิงยังสามารถยกขึ้นลงรถได้สะดวก และผู้ชายจะยกได้ที 30-50kg
ประเภทของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า (แบ่งตามการใช้งาน)
Single Motor “Light Weight” Scooter (เน้นพกพาง่าย น้ำหนักเบา)
น้ำหนักเบา (10-19kg) พกพาง่ายพับได้เล็ก พาขึ้นรถไฟฟ้า (ใช้เชื่อมต่อการเดินทาง พกไว้หลังรถก็สะดวก)
คุณสมบัติโดยของสกู๊เตอร์กลุ่มพกพา
ความเร็ว : 25-50km/h
น้ำหนัก : 10-19kg
ขนาดล้อ : 8.0″ – 8.5″
การพกพา : สามารถพับได้เล็กมาก สามารถใส่รถเก๋ง4ประตูได้สบายๆ
แนะนำรุ่นเหล่านี้
Single motor “Medium Weight” scooter (พกพาง่าย น้ำหนักปานกลาง)
เลือกขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ขี่สบายขึ้นเนื่องจากมีขนาดที่วางเท้ามากขึ้น ขี่ได้ระยะทางไกลขึ้น ระบบช่วงล่างดีขึ้น ทำให้รู้สึกนุ่มและมั่นคงขึ้นด้วย
คุณสมบัติของสกู๊เตอร์กลุ่มนี้
ความเร็ว : 50-60km/h
น้ำหนัก : 20-27kg
ขนาดล้อ : 8.5″ – 10.0″
การพกพา : สามารถพับได้เล็ก และสามารถใส่รถเก๋ง4ประตูได้
แนะนำรุ่นเหล่านี้
- Speedway 4
- Speedway 5
- Dualtron mini
- Speedway Leger
Dual Motor (High Performance) Scooter (เน้นสมรรถนะ ขับขี่สนุก ลุยได้)
แบบสองมอเตอร์ให้สมรรถนะที่ดี ความเร็วสูง ไต่ทางชันได้ดี ขับขี่สนุก ช่วงล่างแบบ off road (น้ำหนัก 23-50 kg)
แนะนำรุ่นเหล่านี้
- Dualtron X ltd
- Dualtron Storm ltd
- DUALTRON Victor luxury plus
ยางตัน กับไม่ตัน มีผลอย่างไร
ยางตันจะยึดเกาะถนนและซับแรงกระแทกได้น้อยกว่ายางลม แต่ไม่ต้องดูแลรักษาเพราไม่สามารถรั่วได้ โดยมากแล้วสกู๊ตเตอร์ที่มีความเร็วสูงมักจะใช้ยางลม เพื่อการยึดเกาะที่ดี
เ
1 มอเตอร์ กับ 2 มอเตอร์ ต่างกันอย่างไร
แบบ 1มอเตอร์ (Single motor) : เน้นใช้งานเดินทางทั่วๆไปเน้นพกพาง่าย น้ำหนักเบากว่าและพกพาได้ง่ายกว่า ความเร็วน้อยถึงปานกลาง
แบบ 2มอเตอร์ (Dual Motor) : มีกำลังและอัตราเร่งที่จัดจ้าน ไต่ทางชันได้ดี ลุยทางOffroadได้ดี เหมาะกับคนชอบสนุกตื้นเต้นหรือต้องการเดินทางไกล ทางวิบาก และไม่เน้นพกพาหรือเชื่อมต่อการเดินทางขึ้นรถไฟฟ้า
เบรคของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท
จะมี 3 ประเภทด้วยกัน
ดรัมเบรค (Drum brake) : ให้ประสิทธิภาพปานกลาง เป็นระบบเบรคที่อยู่ภายในล้อ ไม่ต้องใช้จานดิส ผ้าเบรกใช้งานได้ยาวนานมาก มีความคงทนมากที่สุด ดูแลรักษาง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องดิสเบรกงอ
ดิสเบรค + ปั้มเบรคแบบสาย (Cable disc brake): มีประสิทธิภาพปานกลาง-สูง และจะมีแรงเสียดทานของสายเคเบิ้ล และในปั้มเบรกล่างจะมีลูกสูบเพียง1ตัว ทำให้ได้กำลังเบรกไม่เต็มที่เท่าไหร่
ดิสเบรค + ปั้มเบรคแบบกึ่งน้ำมัน (Sami hydraulic brake) : มีประสิทธิภาพสูง ระบบนี้ตัวปั้มจะทำงานด้วยระบบน้ำมันและมี 2 กสูบ แต่ยังคงใช้การส่งผ่านกำลังผ่านสายเคเบิ้ลเบรกที่เชื่อมต่อกับก้านเบรกมืออยู่ ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าแบบดิสเบรกอยู่พอสมควร
ดิสเบรค + ปั้มเบรคแบบน้ำมันเต็มระบบ (Fully hydraulic brake): ระบบนี้จะใช้น้ำมันเป็นตัวส่งผ่านกำลังตั้งแต่ก้ามเบรคบนถึงปั้มเบรคล่าง และจะมีจำนวนลูกสูบมากที่สุด คือ 2 หรือ 4ตัวต่อปั้ม ระบบนี้เป็นเบรคที่มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ให้แรงเบรคที่สูงและต่อเนื่องมากกกว่าแบบสาย แต่จะมีราคาต้นทุนที่สูงที่สุด
*ระบบเบรคแบบดิสเบรกทุกแบบสามารถอัพเกรดเป็นแบบน้ำมันเต็มระบบได้ได้
e-Unicycle
ตัวไหนเหมาะสมกับเรา เลือกอย่างไรดี
ล้อเดียวไฟฟ้าทุกรุ่น จะมีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกันไป เช่นรุ่นที่เความเร็วสูงส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักมาก รุ่นที่น้ำหนักเบาก็จะมีความเร็วต่ำและวิ่งได้ไม่ไกล ดังนั้นควรคำนึงถึงจุดประสงค์การใช้งานเป็นหลัก
Light Weight (เน้นเบาคล่องตัว) : ใช้เชื่อมต่อการเดินทาง ใช้งานระยะสั้นๆไม่เกิน 20-40 km/วัน กลุ่มนี้ควรเลือกล้อที่มีน้ำหนักไม่ควรเกิน 17kg ขนาดล้อที่เหมาะสมคือ 14-16นิ้ว ควบคุมง่ายในความเร็วต่ำ พกพาง่าย ยกง่าย เลี้ยวมุมแคบได้ง่าย ใช้พื้นที่น้อยเหมาะกับพกพาขึ้นรถไฟฟ้า หรือพกพาไปเที่ยวต่างจังหวัดก็เหมาะ เช่นรุ่น
- INMOTION V5F
- KINGSONG 14M / 14D
- INMOTION V8F
- KINGSONG 16S
- Kingsong 16XS
Long Range (เน้นวิ่งระยะไกล) : ใช้งานระยะไกล 20-150 km/ วัน ขึ้นไป กลุ่มนี้ควรใช้ล้อที่มีขนาดใหญ่และหน้ายางที่กว้างขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นคงในความเร็วสูง เช่นรุ่น
- KINGSONG 16X
- KINGSONG 18L/18XL
- INMOTION V10F
- INMOTION V12 HS/ V12 HT
Suspension wheel (แบบมีโช้คกันสะเทือน) : ถือว่าเป็นเทคโนโลยี่ล่าสุดของล้อเดียวไฟฟ้าในปจุบัน นอกจากโช้คอัพจะทำให้การขับขี่มีความสบายและปลอดภัยมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการยึดเกาะพื้นผิวถนน และสามารถลุยในทางวิบากได้ดีขึ้นอีกด้วย เหมาะสำหรับขี่ในทาง off-road ขี่แบบ extream หรือ ถนนที่ไม่เรียบ ซึ่งจะช่วยลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ได้มาก เช่นรุ่น
- KINGSONG S18
- KINGSONG S19
- KINGSONG S22
- INMOTION V11
- INMOTION V13
ขนาดล้อ มีผลอย่างไร
ล้อใหญ่ขึ้น หน้ายางกว้างขึ้น จะทำให้ความรู้สึกมั่นคงขึ้น แต่วงเลี้ยวก็จะกว้างขึ้นด้วย เนื่องจากขนาดล้อจะมีผลกับความสูงของตัวเครื่องและจุดสัมบริเวณน่องขาส่วนบน ดังนั้นควรเลือกขนาดล้อให้เหมาะกับส่วนสูงด้วยผู้ขี่ถึงจะขับขี่ได้สบายและควบคุมได้ง่ายที่สุด
14″ : เหมากับส่วนสูง 140cm – 170cm
16″ : เหมากับส่วนสูง 160cm – 180cm
18″ : เหมากับส่วนสูง 165cm – 190cm
20-22″ : เหมากับส่วนสูง 170cm – 190cm
*ถ้าผู้ขี่มีน้ำหนักตัว 80kg ขึ้นไปควรเลือกล้อขนาก 16″ ขึ้นไป
เลือกมีโช้กดีไหม
มีโช้กดีกว่าแน่นอน เกาะถนนดีกว่า ลดการเกิดอุบัติเหตุ ช่วนลดการสะเทือน ลดการเมื่อยล้าของขาได้มาก
แต่ล้อที่มีโช้คส่วนมากจะมีน้ำหนักมากและมีราคาสูงขึ้นกว่ารุ่นปรกติด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าไม่ได้ขี่ไกลมากเกิน 5-10กิโล โช้คก็อาจจไม่จำเป็น
ขึ้นทางลาดได้แค่ไหน
จริงๆแล้วจุดเด่นของล้อเดียวไฟฟ้าคือ ความสามารถในการไต่ความชัน เนื่องจากตัวมอเตอร์มีกำลังมากถึง 800-5,000วัตต์ ซึ่งปรกติแล้ว รุ่นเริ่มต้นก็สามารถขึ้นสาพานชันๆหรือลานจอดรถที่ชันมากๆได้ทุกที่แบบสบายๆอยู๋แล้ว แต่ถ้าเราต้องการนำไปขี่ขึ้นเขาที่ชันมากจริงๆหรือทางชันที่เป็นทางวิบากด้วยแล้ว เราควรเลือรุ่นที่มีกำลังอย่างน้อย 2000W ขึ้นไป รับรองว่าจะมีกำลังไม่แพ้รถ 4WD แน่นอน
ล้อเดียวไฟฟ้าหัดเล่นยากไหม?
จริงๆแล้วล้อเดียวไฟฟ้าไม่ได้ขี่ยากอย่างที่คิด เนื่องจากระบบมอเตอร์ไฟฟ้านั้นจะช่วยทรงตัวไม่ให้เราล้มไปด้านหน้าและหลังอยู่แล้ว ผู้ขับขี่แค่ทรงตัวไม่ให้ล้มไปทางซ้ายและขวาเท่านั้น โดยปรกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-5 ชม. ในการหัดทรงตัวไปด้านหน้าและเลี้ยวกลับรถได้ และอีกประมาณ 3 – 10 วันเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญจนสามารถขี่ร่วมทางสาธารณะกับคนอื่นได้
ถ้าซื้อไปแล้วเล่นไม่ได้ทำอย่างไรดี
ถ้าลองหัดเล่นเองแล้วยังทรงตัวไม่ได้ ทางร้านยังมีบริการสอนพื้นฐานการเริ่มเล่นล้อเดียวไฟฟ้าให้ “ฟรี” สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อกับทางร้านอีกด้วย จากประสบการณขายล้อเดียวไฟฟ้ามายาวนาน ลูกค้าทุกท่านที่ซื้อไปต่างสามารถขี่ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าช่วงอายุตั้งแต่ 5ขวบ ถึง 80ปี ทั้งหญิงและชาย ดังนั้นลูกค้ามีเวลาและมีความตั้งใจเรารับประกันว่าทุกคนทุกวัยสามารถขี่ได้อย่างคล่องแคล่วแน่นอน
ล้อเดียววไฟฟ้า อันตรายไหม
ล้อเดียวไฟฟ้าที่ดูเหมืิอนจะเป็นกีฬาextremeและอันตราย แต่แท้จริงแล้วไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด ถ้าขี่ในความเร็วที่เหมาะสมและขี่ได้อย่างชำนาญแล้วเราจะสามารถควบคุมล้อเดียวไฟฟ้าได้เสมือนอวัยวะของเราอีกชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว และมีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆที่ใช้ล้อเดียวไฟฟ้าเพื่อเดินทางในเมืองแทนจักรยานและมอเตอร์ไซค์ในชีวิตประจำวัน
e-Bike
ตัวไหนเหมาะสมกับเรา เลือกอย่างไรดี
หลักๆแล้วรถจักรยานไฟฟ้าจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือแบบมีระบบปั่น (Pedal assist) และไม่มีระบบปั่น ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน การที่มีระบบปั่นทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น และอุ่นใจในเรื่องของระยะทาง เผื่อแบตหมดก็ยังคงปั่นได้เหมือนจักรยานทั่วๆไป แต่ข้อเสียคือรุ่นที่มีระบบปั่นจะมีน้ำหนักมากกว่ารุ่นที่ไม่มีเล็กน้อย และมีราคาสูงกว่า
ถ้าเราคิดว่าแบตเตอรี่ที่ให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน ระบบปั่นก็ไม่จำเป็น
รุ่นที่แนะนำสำหรับแบบปั่นได้คือ
– Fiido D11
– Fiido X
รุ่นแนะนำสำหรับแบบปั่นไม่ได้คือ
– Fiido Q1S
– Yidii Spider
– Fiido Q2
จักรยานไฟฟ้าพับได้
ถ้าต้องการให้ขนขึ้นรถได้ หรือพื้นที่จอดน้อย เรามีแบบพับได้ ประสิทธิภาพดีให้เลือก
เลือกความเร็วเท่าไรดี
เทียบกับจักรยานแม่บ้าน ปั่นได้ความเร็วสูงสุด 25 km/h
ไฟฟ้าจะช่วยทุ่นแรง และไปถึงที่หมายได้ไวขึ้น ซึ่งก็ขึ้นกับผู้ขับขี่ว่าอยากขี่เร็วแค่ไหน หรือช้าก็ได้ขี่ชิลๆ เห็นข้างทางเพลินๆ ได้
ขับขี่อย่างไรดี
ขี่ที่ถนนหรือฟุตบาทได้ไหม
ในปจุบันนี้ทางรัฐบาลยังไม่ออกกฎหมายควบคุมพาหนะประเภทนี้ ดังนั้นเราควรขี่ด้วยความระมัดระวังโดยคำนึงถึงผู้ร่วมทาง (คนเดินเท้า จักรยานยนต์ และรถยนต์) เป็นหลัก โดยผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้ทั้งทางเท้าโดยใช้ความเร็วที่เหมาะสม (ไม่ควรเกิน 10-20km/h) และบนถนนโดยขี่ชิดขอบทางด้านซ้ายให้มากที่สุด เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เอง
แต่ผู้ใช้งานสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าโดยทั่วไปแล้วจะขี่กันบนฟุตบาท เพราะปลอดภัยกว่า ถึงจะขรุขระก็ตาม
ทั้งนี้ระหว่างขับขี่ก็ระมัดระวังและคำนึงถึงความสบายใจและความรู้สึกปลอดภัยของผู้เดินเท้าเป็นหลักด้วย
ลุยน้ำ ลุยฝนได้แค่ไหน
สกู๊ตเตอร์ที่เราจำหน่ายทุกรุ่นได้ผ่านมาตราฐานกำนน้ำระดับ IPX5 (IP56) ซึ่งสามารถกันฝน และขี่ผ่านแอ่งน้ำตื้นๆได้ อย่างไรก็ดีไม่ควรจอดสกู๊ตเตอร์ในที่โล่งและที่เสี่ยงน้ำท่วม และไม่ควรใช้งานขณะฝนตกหนัก เพราะมีโอกาสที่ซีลยางต่างๆอาจจะเสื่อมและน้ำสามารถเข้าไปในระบบได้ทำให้เกิดความเสียหาย
ทำความสะอาดอย่างไร
การทำความสะอาด ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดจะดีกับตัวรถมากที่สุด
การรับประกันและบริการหลังการขาย
รับประกันจริง ไม่มีค่าแรง
หากอยู่ในประกัน ถ้าความเสียหายเกิดจากคุณภาพของสินค้า เราซ่อมให้ฟรี และไม่คิดค่าแรง
- เรารับประกันมอเตอร์และระบบอิเล็กทรอนิกส์ 1 ปี
- รับประกันแบตเตอรี่ 6 เดือน
หมดประกันแล้ว ซ่อมได้ไหม
เรามีบริการหลังการขายครบวงจร มีสต๊อกอะไหล่และทีมช่างที่เชี่ยวชาญให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด อะไหล่มีสต๊อกทุกชิ้น และจำหน่ายในราคาไม่แพง
ส่งซ่อมที่ไหน
สามารถส่งซ่อมได้ที่ eWheels Thailand ทุกสาขาทั่วประเทศ
LINK: ที่อยู่ eWheels สาขาต่างๆ
จัดส่ง
จัดส่งอย่างไร
กทม. ได้รับสินค้าภายใน 3 ชม. (สั่งผ่าน Line Official (ID:@ew01)
ต่างจังหวัดได้รับของภายใน 1-2วัน
สั่งซื้อผ่านเว็บเลยได้ไหม
สามารถกดใส่ตะกร้าสินค้าแล้วชำระเงินได้เลย เราตรวจสอบออเดอร์ทุกวัน สามารถจัดส่งให้ได้เลย
อื่นๆ
อุปกรณ์ป้องกันควรมีอะไรบ้าง
- หมวกกันน็อก
- ไฟหน้า ไฟท้าย
ถ้าไม่เวิร์ค ขายมือสองได้ไหม
สกู๊ตเตอร์ไฟ้าและล้อเดียวไฟฟ้า มีตลาดซื้อขายมือ2ตามเพจซื้อขายใน Facebook มากมาย เช่น
https://www.facebook.com/groups/432797837643908
https://www.facebook.com/groups/277570106516526/
https://www.facebook.com/groups/214988195760744/
ผิดกฎหมายรึเปล่า
ยังไม่มีกฎหมายควบคุมรถประเภทเหล่านี้ ซึ่งหากพวกเราขับขี่กันปลอดภัย สวมอุปกรณ์ป้องกันดี ระวังรถใหญ่ เห็นใจคนเดินถนน และผู้ขี่จักรยาน ก็จะเป็นแรงเสริมให้เราสามารถขับขี่รถประเภทนี้กันต่อไปได้นานๆ