Description

Inmotion V14 Adventure

มาพร้อมกับมอเตอร์ที่มีพละกำลังมหาศาล
และ Controller ที่ทันสมัยและฉลาดที่สุดในปัจุบัน

เนื่องจาก Inmotion พบว่าในปัจจุบันนี้ได้มีกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานล้อเดียวไฟฟ้าสำหรับทางวิบากหรืออ๊อฟโรดนั้นมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ล้อเดียวไฟฟ้าติดโช้กเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้การขี่ล้อเดียวไฟฟ้าในทางวิบากนั้นไม่ได้ขึ้นกับแค่ความเร็ว Top Speed หรือระบบโช้กอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ขับขี่ และกำลังของมอเตอร์ที่จะต้องแรงมากพอที่จะทำให้ผู้ขับขี่ผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดายด้วย

สิ่งที่ทำให้ Inmotion V14 โดดเด่นนั้น อยู่ที่มอเตอร์ที่มีพละกำลังมหาศาลและ Controller ที่ทันสมัยและฉลาดที่สุดในปัจุบัน

คุณสมบัติ

Top Speed (ความเร็วสูงสุด) : 70 km/h, Cutt off : 110km/h (ความเร็วล้อลอย)

Range (ระยะทางต่อชาร์จ) : 130 km

Weight (น้ำหนักตัวรถ) : 39 kg

เบรกและช่วงล่าง

กำลังและแบตเตอรี่

Motor (กำลังมอเตอร์) : 4,000 watt (MAX 9,000 watt), High torque (C40 Hollow motor)

Climbing Grade (การไต่ความชัน) : 50°

คุณสมบัติที่น่าสนใจ

Lighting (ไฟส่องสว่าง) : Adjustable Headlight

Raptor Controller

คือ Controller ที่ถูกพัฒนาสำหรับ V14 โดยเฉพาะ
คนที่ใช้งานล้อเดียวไฟฟ้ามาก่อนน่าจะทราบกันดีว่าชิ้นส่วนที่ได้รับความเสียหายบ่อยที่สุดในชุดคอนโทรลก็คือมอสเฟต ซึ่งโดยปกติแล้วจะเสียหายจากการได้รับกระแสไฟฟ้ามากเกินไป ทำให้มอสเฟตมีอุณหภูมิสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนทำให้ไหม้และเสียในที่สุด

แร็พเตอร์ Controller นั้นมีมอสเฟตถึง 42 ตัวและสามารถทนกระแสได้สูงถึง 135 แอมป์ 200 โวลต์ หรือ 27,000 วัตต์ ซึ่งสูงกว่าค่าสูงสุดที่ตัว Controller จะผลิตได้ถึง 3 เท่า เพื่อเป็นการลดปัญหามอสเฟตไหม้ให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และตัวเก็บประจุ หรือ Capacitor นั้นมีมากถึง 18 ตัว ทำให้ส่งกระแสไฟฟ้าได้สูงถึง 450 แอมป์เพื่อให้ส่งกำลังไปยังมอเตอร์ได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีมาตรฐานการกันน้ำระดับเดียวกับมอเตอร์ไซค์วิบากที่ IPX6

Motor / มอเตอร์

มอเตอร์มีกำลังถึง 4,000W และด้วย Controller ที่ INMOTION พัฒนาขึ้นเองนั้น สามารถให้กำลังสูงสุดได้ถึง 9,000 W และมีแรงทอร์กสูงถึง 200 NM ซึ่งมากกว่าล้อขนาด 16 นิ้วรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันถึง 50%

ถึงแม้ว่าสเปคของมอเตอร์นั้นจะมี Rated Power อยู่ที่ 4,000 Watt เหมือนกับล้อเดียวระดับเรือธงรุ่นอื่นๆก็ตาม แต่แท้จริงแล้วตัวมอเตอร์ของรุ่นนี้นั้นพิเศษตรงที่

• มีขดลวดทองแดงมากกว่ามอเตอร์ทั่วๆ ไป และสามารถรับกำลังไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 12,000 วัตต์เลยทีเดียว เป็นผลทำให้อุณหภูมิสะสมของมอเตอร์ลดลงได้ถึง 50%
• อีกทั้งแม่เหล็กที่เลือกใช้เป็นแบบ C40 (แม่เหล็กกำลังสูงพิเศษ) ทำให้ผลิตแรงทอร์คได้มากกว่ามอเตอร์แบบเดิมๆ
• และด้วยสายไฟมอเตอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง 3 เท่า ทำให้สามารถทนกระแสไฟได้สูงและส่งผ่านกำลังมหาศาลจาก controller สู่มอเตอร์ได้ทั้งหมดได้แบบไร้รอยต่อ

อีกทั้งเพื่อให้เหมาะสมกับการขับขี่แบบออฟโรดมากยิ่งขึ้น วัสดุที่ทาง INMOTION เลือกใช้สำหรับตัวมอเตอร์ยังเป็นอลูมิเนียมเกรด 6 ซึ่งเป็นเกรดที่แข็งแรงที่สุดสำหรับผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าและมีความแข็งแรงมากกว่ามอเตอร์ทั่วๆ ไปถึง 35% เพื่อรองรับการกระแทกในทางอ๊อฟโรดได้ดี

Controller and Motor

จากกำลังมหาศาลของ Motor ซึ่งทำงานร่วมกับคอนโทรลเลอร์รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Raptor Controller จึงทำให้ INMOTION V14 สามารถส่งกำลังและไต่ทางชันได้อย่างต่อเนื่องอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพียงแค่เราเอนตัวไปข้างหน้าเพียงนิดเดียวตัวเครื่องก็สามารถพาเราพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว (ไม่ต้องเอนเยอะเหมือนรุ่นอื่นๆ)

• สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ได้ภายใน 2.5 วินาที
• มีอัตราเร่งแบบ Free spin speed หรือขณะล้อลอยอยู่ที่ 110 km/h
• ไต่ความชันระดับ 50 องศาได้แบบสบายๆ (โดยที่เราไม่จำเป็นจะต้องโน้มตัวเยอะเหมือนล้อเดียวรุ่นอื่นๆ)

ขี่ขึ้นทางชันไกลๆ ได้อย่างต่อเนื่องไร้ปัญหา โดยที่มอเตอร์ยังสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา และตัวเครื่องไม่เกิดอาการร้อนเกิน (Over Heat)

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการขับขี่แบบ off road แบบผาดโผน หรือว่าโถมตัวในช่วงเร่งแซง INMOTION V14 ก็มีกำลังเหลือๆ ที่จะตอบสนองได้แบบทันใจและปลอดภัย อีกทั้ง V14 ยังใช้มอเตอร์แบบไร้แกนและซีลกันน้ำมันที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด

Inmotion V14 ใช้มอเตอร์แบบไร้แกน (Hollow motor) ที่หมุนได้สมูธกว่ามอเตอร์ทั่วๆ ไป และกินพลังงานต่ำ อีกทั้งการเลือกใช้มอเตอร์ชนิดนี้ทำให้ง่ายต่อการออกแบบระบบกันน้ำแบบใหม่ที่จะซ่อนลูกปืนไว้ด้านหลังฝาปิดมอเตอร์ โดยมีซีลกันน้ำที่หนาพิเศษกันไว้ตรงกลาง ทำให้มอเตอร์สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับมาตรฐานกันน้ำสูงถึง IPX6 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดที่เคยมีมาในล้อเดียวไฟฟ้า

Riding Mode / โหมดการขับขี่ 2 โหมด

Sport mode

ให้ฟีลลิ่งการตอบสนองคันเร่งแบบทันทีทันใด เรียกได้ว่าถ้าเรากดคันเร่งหรือโน้มตัวแล้วมอเตอร์จะตอบสนองเร่งทันที เหมาะสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ตหรือออฟโรด

Comfort mode

เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปซึ่งไม่ต้องการเค้นกำลังสูงมากทำให้ขี่ได้ในระยะทางที่ไกลมากขึ้น

Suspension / โช้กอัพ

ครั้งนี้นี้ทาง Inmotion ได้สร้างทีมระดับมืออาชีพเฉพาะทางสำหรับออกแบบระบบช่วงล่างโดยเฉพาะ ซึ่งมีชื่อว่า “Inmotion Progressive Shock” ซึ่งเป็นโช้กสปริงระบบน้ำมันที่ปรับแต่งคุณสมบัติได้เต็มรูปแบบและง่ายด้วย

โช้กปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ ตามนี้

• ความแข็งของสปริง
• ความไวของโช้ก
• ความหนืดของโช้กตอนคืนตัว (ทาง Inmotion เคลมว่า เขาได้เทสกับผู้ขี่ที่มีน้ำหนัก 90 กิโลกรัมและตกจากที่สูง 1 เมตรโดยที่โช้กยังยุบตัวไม่สุด)

ข้อดีอีกอย่างนึงของการใช้โช้กอัพระบบนี้คือ ทางผู้ขับขี่สามารถเลือกซื้อโช้กอัพยี่ห้อไหนในตลาดมาใส่ก็ได้ได้อย่างอิสระภายหลังสำหรับการอัพเกรด

นอกจากนี้ยังมีโช้กอัพแบบน้ำมันที่อยู่ด้านข้างอีก 2 ตัวทำหน้าที่ซับแรงกระแทกและยึดโครงสร้างหลักของตัวรถกับมอเตอร์ ซึ่งเป็นระบบกันน้ำกันฝุ่นได้แบบ 100%

Battery

แบตเตอรี่สามารถถอดเปลี่ยนได้ใน 10 นาที ช่วยให้ประหยัดเวลาในการ Maintenance ได้เป็นอย่างดี (เช่น ตอนถอดแบตเตอรี่ หรือเปลี่ยนยาง) แบตเตอรี่มีด้วยกันทั้งหมด 4 ก้อนและแต่ละก้อนสามารถทำงานแยกกันได้อย่างอิสระ ทำให้เมื่อแบตเตอรี่ก้อนใดก้อนหนึ่งเกิดความผิดพลาด ตัวรถก็สามารถทำงานต่อไปได้อย่างต่อเนื่องทันทีเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่

และเป็นครั้งแรกที่ตัวแบตเตอรี่นั้นสามารถรองรับกระแสการชาร์จได้ไวถึง 16 แอมป์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เร็วที่สุดในตลาดขณะนี้ ทำให้การชาร์จเพียงแค่ 5 นาทีสามารถวิ่งได้ไกลถึง 10 กิโลเมตร และชาร์จ 0-80 % ได้ภายใน 60 นาทีเท่านั้น

ด้วยระบบ Smart BMS ที่ตัวระบบจะ Balance แรงดันของแบตเตอรี่ในแต่ละเซลล์ให้เท่ากันอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้มีแรงดันในแต่ละเซลล์แตกต่างกันมากเกินไปจนเกิดความร้อนสะสม

ระบบ Smart BMS ยังสามารถทำให้ผู้ขับขี่ติดตามการทำงานของแบตเตอรี่ในทุกๆ เซลล์ได้แบบ Real Time และเมื่อตัวรถได้ตรวจจับความผิดพลาดของแบตเตอรี่แม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้ทราบได้โดยทันทีผ่านหน้าจอ LED ที่ตัวรถและ Application

SMART BMS ติดตามการทำงานของแบตเตอรี่

• แรงดันแบตเตอรี่ (Voltage)
• กระแสของแบตเตอรี่ (Amp)
• ความจุของแบตเตอรี่ (mA) ในแต่ละเซลล์

Waterproof / ระบบกันน้ำกันฝุ่น

เรื่องระบบกันน้ำกันฝุ่น รอบนี้ INMOTION ได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีและตั้งใจให้เป็นล้อเดียวไฟฟ้าสำหรับ Off road ตัวจริง จึงตั้งใจออกแบบให้ทุกชิ้นส่วนไม่ว่าจะเป็นกล่องควบคุม (Controller) มอเตอร์ และแบตเตอรี่สามารถกันน้ำจากปืนฉีดน้ำแรงดันสูงได้โดยตรง ทำให้ V14 เป็นล้อเดียวไฟฟ้าคันแรกที่จะทำให้เราสามารถฉีดล้างตัวรถได้อย่างไร้กังวล

Lighting / ระบบไฟ

Night ride / ขับขี่กลางคืน

สำหรับการขับขี่ยามค่ำคืน Inmotion V14 ได้ติดตั้งตัวไฟหน้าโปรเจคเตอร์ความสว่างสูงพร้อมระบบเส้น Cut Off ที่จะไม่แยงตาผู้ขับขี่ที่ขับสวนมา และสามารถปรับตั้งองศาไฟสูงต่ำได้อย่างอิสระ

LED Display

หน้าจอสแดงผลเป็นแบบ LED ตัวหนังสือสีขาวมองเห็นได้ชัดเจนในตอนกลางวันและกลางคืน ซึ่งจะแสดงผลทั้งความเร็ว ระดับแบตเตอรี่ และโหมดการขับขี่

Accessories / อุปกรณ์เสริม

อุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น Power pads ทาง Inmotion มีแถมมาให้ในกล่องเลย ส่วนเบาะนั่งจะแยกขายเป็นอุปกรณ์เสริม

Design / การออกแบบ

การออกแบบทั้ง Inmotion ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมอเตอร์ไซค์วิบากระดับ Premium จากแบรนด์ KTM และเลือกใช้สีส้มซึ่งเป็นสีไอโคนิคของทาง Inmotion ดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูโค้งมนแต่ดุดัน ตัวเครื่องมีความบาง

รองรับสรีระขาได้ดี

ช่วงบนตัวเครื่องได้ถูกออกแบบให้มีการโค้งเว้าเข้าไปเพื่อให้รองรับกับสรีระของขา ทำให้ควบคุมเครื่องได้ง่าย และไม่เจ็บเมื่อขับขี่เป็นเวลานาน ตัว Power pads ที่แถมมาเป็นแบบ 6 ชิ้น มีความหนามากเป็นพิเศษ (ยึดด้วยระบบตีนตุ๊กแก) สามารถปรับเปลี่ยนองศาและตำแหน่งการวางได้อย่างอิสระ เพื่อให้เหมาะการขับขี่แบบ Adventure โดยเฉพาะ

ลากง่าย ยกง่าย

บริเวณด้านหน้ามาพร้อมหูหิ้วขนาดใหญ่สำหรับจับยก และบาร์ลากแบบรางสไลด์ที่ใช้งานได้ง่าย โดยถูกติดตั้งอยู่ตรงกลางเครื่องด้านบน

ขี่สบาย

แป้นเหยียบแบบหนาม (Spike Pedals) ที่มีขนาดใหญ่ ช่วยยึดเกาะเท้าได้ดี ทำให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ และปรับเปลี่ยนท่ายืนได้หลากหลาย เร่งแซงและเบรกได้ง่าย โดยตัวเครื่องยังถูกออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ นิ่งในความเร็วสูง ทำให้สามารถพลิกเลี้ยวได้อย่างคล่องตัวและเป็นธรรมชาติ

Summary / บทสรุป

โดยรวมแล้ว Inmotion V14 นั้น ถือได้ว่าเป็นล้อเดียวไฟฟ้าที่รวบรวมสุดยอดเทคโนโลยีของล้อเดียวไฟฟ้ามาไว้ทั้งหมด มีขนาดพกพาได้ง่าย เหมาะสำหรับสายลุยตัวจริง จุดเด่นอยู่ที่มอเตอร์ที่แรงที่สุดในตลาด สามารถไต่ความชันได้ดีเยี่ยม ระบบโช้กที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในตลาด แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่และความสามารถในการชาร์จเร็ว ระบบกันน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ทำให้เราขี่ลุยไปได้ทุกที่อย่างไร้กังวล เหมาะสำหรับสายลุย หรือผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบ Hard Core นอกจากนั้น ยังมาพร้อมกับการรับประกัน 2 ปีเต็ม ให้คุณไปใช้ได้แบบยาวๆ แบบไร้กังวลเรื่องการซ่อมบำรุง

Reviews